Monthly Archives: กุมภาพันธ์ 2013

Nine Valuation

มาตรฐาน

ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกขุดหุ้น ขุดกิจการ จนเข้าไปนำเสนอนู้นนี่กับบริษัทไปไม่น้อย ก็ขอสานต่อ เกาะติด
บริษัทให้ถึงที่สุด ในฐานะเจ้าของคนนึง(แม้นจะเป็นน้อยนิดก็ตามที ห่ะๆ)

ไม่ได้ทำแบบ Valuation แล้วเผยแพร่มานานพอสมควร นับตั้งแต่ปีที่แล้ว(Global 9 บาท Global 1.7 บาท)
ตอนนั้นจำได้เลยว่า ตอน Global 9 บาท มี 2 โบรกแนะนำให้ขาย !

ผมก็ทำ Valuation ของตัวเองแบบลูกทุ่ง เอาไปให้เค้าดู เค้าก็ตอบกลับมาว่า ของเค้าเป็นแบบ Conservative
แต่ผมก็สงสัยอยู่ดี ที่เค้าคิดแบบ Fully Dilute แต่ไม่ััยักให้ต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย

เวลาผ่านไปไม่นาน พร้อมกับมีข่าวลือว่า SCG จะเข้ามาทำ Tender Offer จนเป็นจริงในที่สุด
Global ตัวแม่ราคาขึ้นมาเป็น 3 เท่า ตัวลูกขึ้นมา 13.5 เท่า
และมีโบรกกลับจากขา่ยเป็นเชียร์ซื้อที่ราคา 30 บาท !!!
นั่นคือช่วงเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้นนะครับ !!

เป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงควรจะทำ Valuation ด้วยตัวเอง และถ้าคุณยังไม่เคยทำมาก่อน
ผมได้ืำทำเงื่อนไขที่ คุณๆสามารถปรับเปลี่ยนเอาไว้ให้  ลองเล่นดูครับ จิ้มที่นี่ ^^

หมายเหตุ : ตัวเลขที่ปรากฏเกิดจากการประมาณการณ์จากข้อมูลที่มีอยู่ณเวลาที่เขียนเท่านั้น
อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โปรดใช้วิจารณญาณให้มากๆครับ

27 ก.พ. 56
โดย 1154

กับดักการลงทุน

มาตรฐาน


ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ผ่านไป 44 วันแล้ว ยังไม่ได้เขียน
เลยซักกะเรื่อง เจอแรงยุจากเพื่อนๆ เลยกลับมาเขียน
ซะหน่อย

คราวนี้ขอจั่วหัวว่า “กับดักการลงทุน” และก็ขอออกตัวก่อน
นะครับ หากบทความนี้ไปทิ่มแทงความรู้สึกใคร  ผมขออภัย
ไว้ล่วงหน้า แต่เชื่อเถอะครับว่าผมมีเจตนาดี ^^
ไปเริ่มข้อแรกกันเลย…เนาะ

ก. ถือหุ้นยิ่งนาน ยิ่งดี?

เรามักได้ยินคำพูดอยู่บ่อยๆว่า “เฮ้ย เป็น VI มันต้องถือหุ้นต้องนานๆ”
ผมถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
เพราะมันจะจริงก็ต่้อเมื่อมีเงื่อนไขด้วยน่ะซิ

หัวใจในการลงทุนแนวคุณค่าคือ คุณต้องลงทุนเมื่อมี MOS (Margin of Safety) แปลง่ายๆ
ก็คือ เราควรลงซื้อของในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เราประเมิณ (ณ Timeframe ต่างๆขึ้นอยู่กับเราเอง)
ไม่ได้มีตรงไหนพูดถึงระยะเวลาในการครอบครองเลย เพราะถ้าผมถือหุ้นสัปดาห์เดียว
แล้วมันขึ้นมาจนถึงมูลค่าที่ผมคิดว่ามันเกินมูลค่าแล้ว หรือไปเจอตัวที่มี upside มากกว่า ผมก็เปลี่ยนตัวแล้ว
(แต่ก่อนจะเปลี่ยน ควรจะตรวจสอบให้ดีกว่า มีปัจจัยอะที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่าด้วยนะ)

กุญแจหลักของการลงทุนที่จะถือยาวได้คือ กิจการต้อง “เติบโต” ได้ ถ้าคุณเลือกกิจการที่โตไปตามแนวโน้มตลาดยังไม่อิ่มตัว แน่นอนว่า ยิ่งถือนาน ยิ่งดี (ตราบเท่าที่มันยังโตได้)

แต่ถ้าคุณเลือกกิจการผิด  อยู่ในธุรกิจที่เป็นขาลง แต่คุณลงทุนตอนที่มันสูงสุด
เป็นธุรกิจที่มีสินค้าอื่นที่ทดแทนได้ หรือธุรกิจเป็นวัฏจักร
ยิ่งคุณถือนาน ไม่ได้รับประกันเลยว่า เมื่อเวลาผ่านไป มันจะดี มันอาจจะวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่นาน แล้วกลับมาที่เดิม ^^!
ถ้าเลวร้ายกว่านั้น ยิ่งคุณรู้สึกตัวช้า  ยิ่งถ้าคุณขี้เกียจติดตามกิจการ ขี้เกียจดูงบ
แล้วอ้างว่า เป็น VI ต้องถือนาน
ทุนคุณก็หดไปเรื่อยๆ คุณอาจไม่เห็นหุ้นในราคาที่คุณซื้อมาเลยในตลอดชีวิตของคุณ!
(เว้นแต่เค้าอาจจะรวมพาร์)

ข. หวังลมๆแล้งๆ

ร้านเสื้อแห่งนึง ซื้อเสื้อมา 1,000 ตัว สีขาว 500 ตัว สีดำ 500 ตัว ซื้อมาตัวละ 60 บาท รวมๆใช้ทุนไป 60,000 บาท
ตั้งราคาขายตัวละ 80 บาท ทั้งสีขาว สีดำ ถ้าขายได้ 750 ตัวก็เท่าทุนแล้ว (ยังไม่รวมค่าน้ำไฟ ค่าเช่าร้าน ค่าแรงนะ)

ปรากฏว่าวันแรกขายสีขาวไปได้ 250 ตัว ขายสีดำไป 25 ตัว โดยขายไปตัวละ 80 บาท เป็นเงิน 22,000 บาท
เอาไปซื้อเสื้อแบบเดิมมาเติม ขาว 250 ตัว ดำ 25 ตัวใช้เงิน 16,500 บาท กำไร 5,500 บาท เป็นกำไรขั้นต้น
ค่าเช่าร้านเดือนละ 6 หมื่น ตกวันละ 2,000 บาท (แต่ขายดีจริงได้แค่วันเสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดายอดเหลือแค่ 10%)
ลูกจ้างคนละ 300 จ้าง 5 คน จ่าย 1,500 ค่าเดินทาง ค่าคุ้มครอง ค่าน้ำ ค่่่่าไฟ ชักเยอะ มันจะพอมั้ยละนั่น

วันธรรมดาที่คนไม่ค่อยมาเดินตลาด ก็ขายไม่ค่อยดี เฉลี่ยแล้วขายขายสีขาวไปได้อีก 25 ตัว ขายสีดำอีก 2 ตัว !
คงจะเห็นเหมือนกันว่า สีขาวขายดีกว่าสีดำถล่มทลาย แล้วถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านจะทำยังไงละคับ
เพราะเสื้อดำมันขายไม่ออกเลย ระบายยากมากๆ จะหวังลมๆแล้งว่า จะมีคนเข้ามาเหมาเสื้อดำไปทั้งร้าน
ถ้าทำธุรกิจโดยการอาศัยโชค ดวง ก็คงไม่ต่างอะไรกับการพนัน

แล้วเหงือที่หยดลงบนโต๊ะ ก็ทำให้คุณสำเหนียกขึ้นมาได้ว่า “เฮ้ย นี่ัมันหน้านี้มันหน้าร้อนนี่หว่า !!”
คนไม่ใส่เสื้อดำกัน เพราะมันจะดูดความร้อน มาคิดได้ก็ช้าไปละ เสื้อดำเต็มเลย T-T
ครั้นจะรอให้หมดหน้าร้อน ก็อีกหลายเดือนเลย แล้วทุนคุณก็มีจำกัดซะด้วยซิ

ใช่แล้ว คุณต้องหาวิธีการมาระบาย stock เสื้อดำที่ดูแล้วไม่มีอนาคตอันใกล้ อันกลางเลย

จะด้วยวิธี ยอมลดราคาหรือขายพ่วงเสื้อขาวไปแล้วด้วย เป้าหมายหลักคือ คุณต้องคืนทุนให้เร็วที่สุด
เพราะคุณตัดสินใจพลาดด้วยเหตุผลที่ไม่ได้คิดรอบคอบ ไม่ใช่เพราะมันขายไม่ดีอย่างไม่เจอเหตุผลอื่น

เพื่อจะได้ซื้อเสื้อขาวมาขายต่อเพราะมีอนาคตดีกว่า เกมของร้านขายเสื้อนี้คือ ยอดกำไรรวมของร้าน
โดยไม่ได้จำกัดว่า ต้องมาจากทั้ง2สี และเพราะ “เวลาก็คือต้นทุน” ที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยคำนึงถึง

จอร์จ โซรอส เคยกล่าวไว้ว่า “ผมทำผิดทุกวันเหมืิอนคนอื่นนั่นแหละ แต่ผมก็เรียนรู้จะไม่ทำมันซ้ำอีก”

ค.หลงรูป

เรื่องนี้คงเคยเกิดขึ้นกับหลายคน เพราะมนุษย์เรารับสารส่วนใหญ่ผ่านทางสายตา แล้วมันก็แทบจะต่อตรงกับสมองเลย
ใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆ เห็นแล้ว ก็อยากเห็นอีก อยากเป็นเจ้าของ อยากครอบครอง…

ในแง่ของการลงทุน หลงรูป ในนัยยะของผมมุมแรก ที่ผมเึคยหลงรูปมาก่อนคือ เปอร์เซ็นต์กำไรที่ได้สูงๆครับ
อย่่างหุ้น ABC ผมเคยซื้อตั้ง 1 บาืท ตั้งแต่ปี 2550 ตอนที่เพิ่มลงทุนใหม่ๆ ซื้อไป 30,000 บาท (จากทุน 3แสน)
แล้วตอนนี้ 2556 หุ้นตัวนี้มันขึ้นมา 800% โอ้เยอะมากใช่มั้ยคับ แต่มันมีนัยะกับพอร์ตไม่เยอะมากนัก
เพราะเราซื้อตอนนั้นแค่ 10% ของพอร์ต และทุกครั้งที่พุ่งขึ้นมา 30 50 100 150 200 300 400 500 600%
เราไม่กล้าซื้อเพิ่ม เพราะจะืำให้เปอร์เซ็นต์กำไรของเราลดลง ไม่งามอย่างเคย

และมันก็ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้กำไรจากเงินที่เราไมไ่ด้เติมลงไป ทั้งๆเราก็เชื่อมั่นแล้วว่า บริษัทนี้จะโตได้
มาโดยตลอด

วิธีแก้สำหรับผมเอง คือผมจะเปลี่ยนจากการดูกำไรจากหุ้นรายตัว มาเป็นผลรวมของพอร์ตแทนครับ
และตัวไหนถึงแม้นมันจะขึ้นมาเยอะแล้ว แต่ถ้ามันยังจะโตได้อีก ผมก็จะยังเพิ่มน้ำหนักให้ขึ้นไปอีกครับ
เพราะเป้าหมายหลักเราก็ยังคงหลงรูปเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เพิ่มขนาดจากรูปเล็กมาเป็นรูปใหญ่แทน ^^!

แต่ลองคิดดูให้ดี การที่เราเริ่มมาลงทุนนี่ เพราะอะไร เพราะ อยากมีเงินเยอะๆ เพราะอยากรวย?
แต่ถ้าเรามีเงินเยอะๆแล้ว ยังไม่สามารถทำอะไรได้ดังใจ เรายังอยากจะมีอยู่หรือเปล่า?

หรือจริงๆแล้ว “เงินเป็นแค่กับดัก” แล้วอะไรอะไรละ ที่เราต้องการจริงๆ…?

เขียนครั้งแรกคืน 13 ก.พ.56 ต่อ 14 ก.พ.56
โดย 1154